About AUthor

Trending Video

ศพฝังยืน..!! หลอนไปทั้งหมู่บ้าน

 

"ศพฝังยืน..!! หลอนไปทั้งหมู่บ้าน..อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฏร์ธานี"


        วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับลุงแท้ๆ ของผม และผมก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวผ่านมาร่วมยี่สิบปีแล้ว แต่ผมยังจำเหตุการณ์ในช่วงนั้นได้ดีก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าบ้านลุงผม แกมีธุรกิจที่รับจัดงานศพ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะจีน ของใช้ในงานพิธี เครื่องเสียง โฆษก และรวมถึงโรงเย็นหีบศพไว้บริการด้วย สำหรับบางรายที่ไม่ต้องการฉีดยาศพ แต่อยากใส่โรงเย็นแทนก็มี เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนผมอายุประมาณ 12-13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 ตอนนั้นเกิดมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในตำบลเดียวกับผมนี่แหละ แต่เขาอยู่ หมู่.3 เขาเสียชีวิตอยู่ในบ้านพัก ในป่ายางค่อนไปทางท้ายๆ หมู่บ้าน
        ซึ่งปกติจากที่ได้ยินแม่บอก ว่าผู้ตายเธอเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ชอบเก็บตัวอยู่ในบ้าน ช่วงที่เธอตายเลยทำให้คนอื่นๆ ในหมู่บ้านไม่ค่อยรู้สึกแปลกใจอะไรว่าเธอหายไปไหน เพราะนานๆ จะเจอหน้าสักครั้ง และที่ชาวบ้านมารู้ว่าเธอตาย ก็เป็นเพราะกลิ่นของศพมันอบอวนไปทั้งป่ายางท้ายหมู่บ้าน จนคนแถวนั้นต้องตามตำรวจและมูลนิธิมางัดประตูบ้านเธอดู จึงได้รู้ว่าเธอตายกลายเป็นศพไปแล้ว..เห็นเขาว่าศพเธอดูน่าสยดสยองมากครับ อยู่ในสภาพอืด เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่าน่าจะตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน..!!
        จากการชันสูตรศพหาสาเหตุการตาย เจ้าหน้าที่ดูที่รอยมือข้างขวาศพ พบว่ามีรอยไหม้ที่น่าจะเกิดจากถูกไฟดูดในห้องน้ำ เท่าที่ตำรวจสันนิษฐาน ว่าวันเกิดเหตุเธอน่าจะมือเปียกแล้วยื่นไปถอดปลั๊กไฟเข้า ไฟจึงดูด ซึ่งบ้านคนชนบทในสมัยก่อน เขาชอบซื้อหัวไฟส้มๆ แล้วใช้การเสียบปลั๊กแทนทำปุ่มสวิทช์ ซึ่งถือว่าอันตรายมาก เวลาที่มือเปียกแล้วไปจับผิดเข้า หลังจากการตายของผู้หญิงคนนั้นผ่านไปได้ไม่เท่าไร ก็เริ่มมีเรื่องเล่าชวนสยองขวัญสั่นประสาทเกิดขึ้นตามมา เริ่มตั้งแต่ช่วงที่จัดงานศพให้เธอ ก็อย่างที่บอกว่าลุงผมเป็นคนรับจัดงานศพ ลุงก็เลยรับจัดให้ผู้หญิงคนนี้ด้วย
        และแน่นอนว่าเพราะเธอเป็นคนไม่ค่อยยุ่งกับใครก็เลยไม่ค่อยมีญาติ ลุงจึงเป็นธุระจัดแจงให้หมด โดยตั้งกำหนดสวดไว้แค่ 3 ระหว่างนั้นได้เอาศพเก็บไว้ในโลงเย็น จนถึงวันเผา แต่พอถึงวันจะเผาจริงๆ กลับไม่ได้เผา เพราะมีญาติคนนึงของเธอซึ่งมาจากไหนไม่ทราบ เขามาแย้งว่า.. ถ้าศพคนตายด้วยอุบัติเหตุถูกฟ้าผ่าหรือไฟช๊อต จะฝังแบบธรรมดาไม่ได้ เขาว่าต้องเอาศพไปทำพิธีฝังยืน แล้วเอากาละมังแสตนเลสครอบหลุมศพไว้ด้วย ซึ่งยอมรับว่าผมตอนเด็กก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ลุงของผมก็ต้องทำตามเขา สรุปคือฝังเธอโดยการฝังทั้งยืน
        พอทำพิธีอะไรเสร็จหมด ตกตอนค่ำๆ ก็มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น เมื่ออยู่ๆ ก็มีกลิ่นเน่า ซึ่งเหม็นมากๆ เหม็นแรงจนแทบอาเจียน ลอยมาจากทางป่าช้าที่ซึ่งเพิ่งจะเอาศพเธอไปฝัง..กลิ่นนั้นตอนแรกชาวบ้านก็ไม่คิดอะไร คิดว่าคงเป็นหมาหรือแมวตายแน่ๆ และพอดึกๆ กลิ่นก็ค่อยๆ จางหายไป ซึ่งทีแรกก็คิดว่าลมเปลี่ยนทิศธรรมดา พอมาวันถัดไปกลิ่นก็โชยมาอีก ยิ่งนับวันกลิ่นกลับยิ่งแรงขึ้น จนทุกคนเริ่มกังวลกันแล้วจริงๆ ว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับศพผู้หญิงคนนั้นที่เพิ่งจะฝังกันรึเปล่า..!!
        ตอนนั้นลุงผมคุยให้พวกผู้ใหญ่คนอื่นๆ ฟังว่า ตั้งแต่ที่แกทำกิจการเกี่ยวกับงานศพมาเกือบ 25 ปี แกก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน เช่นเดียวกับชาวบ้านในละแวกหมู่บ้านตอนนั้น ที่พอหลังจากหกโมงเย็นไปแล้ว จะไม่มีใครกล้าออกมาข้างนอกบ้านเลย.. อย่าว่าแต่เด็กเลย พวกผู้ใหญ่ที่ว่าห้าวๆ ไม่เคยกลัว หรือพวกขี้เมาที่เดิมทีชอบนั่งกินเหล้ากันช่วงค่ำๆ ก็ถึงกับหยุดไปเฉยๆ เพราะไม่มีใครกล้าออกไปข้างนอกจริงๆ หลังจากผ่านมาเกือบอาทิตย์ นอกจากกลิ่นเหม็นเน่าที่มักโชยมาแล้ว ก็เริ่มมีชาวบ้านบางคนได้ยินเสียงคนเดินบนถนนหมู่บ้านกลางดึก..
        เป็นเสียงเดินสักพักแล้วก็หยุด แล้วก็เดินอีก เสียงเดินแบบนี้สลับกับเสียงนกกลางคืนและเสียงหมาในหมู่บ้าน ที่ต่างหอนรับกันเป็นทอดๆ ไปตามทาง..!! และเนื่องจากเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แทบทุกบ้านจึงได้ยินกันหมด เพียงแต่ว่าไม่มีใครกล้าแม้แต่จะมองผ่านหน้าต่างไปดู แต่ก็อย่างว่าแหละครับ นิสัยคนไทยเราขี้สงสัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนั้นมีป้าคนหนึ่ง แกอยากรู้อยากเห็น แกเลยแง้มประตูออกไปดูกะให้หายสงสัย และแกก็เห็นเต็มสองตาว่า มีผู้หญิงเดินอยู่บนถนนจริงๆ..!! ร่างผู้หญิงในคืนเดือนหงาย เธอแต่งชุดแบบชาวบ้าน ลักษณะเหมือนผู้หญิงคนที่ตาย เธอจะเดินแล้วหยุด พร้อมสอดส่ายสายตาไปตามบ้านที่เดินผ่าน เธอทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ..!!
        เรื่องราวของวิญญาณผู้หญิงคนนั้น ที่นับวันยิ่งเฮี้ยนขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาก็กลายเป็นลือไปทั่วทั้งตำบลเลย และลุงผมซึ่งแกก็ควบตำแหน่งเป็น อบต. อยู่แล้วด้วย แกก็ทั้งกลัวและก็ไม่สบายใจมากๆ ในตอนนั้น มีวันนึงแกนิมนต์พระเกจิท่านหนึ่งในหมู่บ้าน ที่พวกเรามักเรียกว่า "ท่านเพชร" ให้มาที่บ้านของแก หลังจากที่พระมา ก็อย่างว่าละครับ ชาวบ้านก็ไปมุงดูที่บ้านลุงผมเยอะมาก แล้วท่านเพชร ก็เดินวนๆ รอบบ้าน จนแกไปหยุดที่โรงเก็บของ ที่ซึ่งลุงเอาไว้เก็บพวกของใช้ต่างๆ ที่ใช้ในงานศพรวมถึงมีโลงเย็นอยู่ในนั้นด้วย
        ท่านเพชร หันมากะซิบบอกกับลุงว่า " วิญญาณเขาอยู่ตรงนี้ ยังไปไหนไม่ได้เขาติดอยู่ในโลง..!!" เท่านั้นแหละครับ ลุงผมถึงกับเครียด เพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนจริงๆ ท่านเพชร เลยทำพิธีอะไรสักอย่างให้ ระหว่างทำพิธีท่านพยายามจะจุดเทียน แต่จุดกี่ทีเทียนก็ดับหมด..!! ลุงผมบอกว่าแกมั่นใจเลยว่า ตอนนั้นไม่มีลมจริงๆ แล้วไฟทำไมเหมือนมีคนมาเป่าให้ดับ ช่วยกันจุดกี่อันก็ดับหมด ถึงขนาดที่ว่า ท่านเพชร ต้องขอตัวลาเพื่อกลับวัด ท่านบอกสั้นๆ แค่ว่า "เดี๋ยวพรุ่งนี้อาตมาจะกลับมาใหม่.." วันถัดมาคราวนี้ ท่านเพชร ไม่ได้มาแค่รูปเดียวแล้ว แต่ท่านมาพร้อมพระรูปอื่นอีก 5 รูป พอมาถึงบ้านลุง ก็พากันแยกย้ายไปผูกสายสิญจน์ เริ่มจากที่บ้านลุงผม ผูกไปตามเสาไฟ และโยงไปจนถึงที่ฝังศพของผู้หญิงคนนั้น เรียกว่าใช้ด้ายเยอะมาก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ากี่ขดกันแน่ รู้อย่างเดียวว่ายาวมากๆ
        แล้วพระทั้ง 5 รูป ท่านก็มานั่งร่วมกันทำพิธี ซึ่งตอนนั้นทุกคนต่างอดขนลุกไม่ได้ เมื่อกลิ่นเหม็นเน่ามันลอยคลุ้งเข้ามาอีกแล้ว จากเดิมที่จะส่งกลิ่นเหม็นเฉพาะกลางคืน แต่เที่ยวนี้มาแทบจะกลางวันเลย ทุกคนในงานที่มาร่วมทำพิธี จึงได้แต่สูดดมทั้งกลิ่นศพ และทั้งฟังเสียงสวดของพระ คละเคล้าไปพร้อมๆ กัน มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกจริงๆ รู้สึกว่าหลอนมากๆ เลยตอนนั้น..!! หลังจากเสร็จพิธี ท่านเพชร ก็พรมน้ำมนต์ไปรอบๆ บ้าน และบอกกับลุงผมว่า ให้ช่วยเอาโลงเย็นเข็นไปตามด้ายสายสิญจน์ด้วย เอาไปไว้ที่หลุมศพ..
        ซึ่งเวลานั้นไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ชาวบ้านส่วนนึงที่ไปรออยู่แถวหลุมศพผู้หญิงคนนั้น กลับไม่มีใครได้กลิ่นเน่าอะไร แม้แต่นิดเดียว แต่พอหลังจากที่เอาโลงเย็นไปถึงหลุมศพเท่านั้น อยู่ๆ ไอ้กลิ่นเหม็นเน่านั้นมันก็กลับมาอีก เที่ยวนี้ส่งกลิ่นคลุ้งรุนแรงมากๆ ซึ่งทำให้พวกเราเข้าใจกันว่า..หรือวิญญาณเธอจะอยู่ที่โลงศพนั้นจริงๆ ตามที่พระบอกแต่แรก จากนั้น ท่านเพชร ได้ใช้ให้พวกชาวบ้าน ขุดศพผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาจากหลุม ก็อย่างที่บอกไปแต่แรกว่าศพเธอนั้นฝังยืน..
     แต่ที่มันน่าแปลกก็คือ ศพเธอก็ยังอยู่ในท่ายืนนั่นแหละ เพียงแต่กลับหันหน้าไปอีกทางซึ่งไม่ใช่ตอนที่ฝังทีแรกเฉยเลย..!! คือหน้าศพหันไปทางทิศตะวันตก..!! ทุกคนตกใจมาก เพราะมูลนิธิเขามั่นใจว่าตอนฝังศพนั้น เขาฝังโดยหันหน้าไปทิศตะวันออก แต่ทำไมหลังจากขุดศพมาแล้ว กลับอยู่ในสภาพนี้ได้..!! คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพูดเหมือนกันหมด ว่าที่ผีสาวตนนั้นเฮี้ยนขนาดนี้ ก็เพราะเอาเธอไปฝังยืนแน่ๆ เลย..!! แล้ว ท่านเพชร ก็ได้บอกให้ผู้มาร่วมงาน ช่วยกันนำศพเธอไปไว้ที่วัด เพื่อจะทำการเผาซะเดี๋ยวนั้นเลย และเป็นการตัดปัญหา เนื่องจากว่าถ้าขืนปล่อยไว้ วิญญาณของหญิงสาวผู้นี้ก็คงจะไม่ไปไหน ยังคงจะออกมาหลอกหลอนชาวบ้านอีกต่อไปแน่ๆ
        บอกได้เลยว่าทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์สยองขวัญตอนนั้น ต่างกลัวกันทุกคนครับ และแน่นอนว่า โลงเย็นที่ครั้งนึงเคยใช้บรรจุศพผู้หญิงคนนั้น พระท่านก็บอกให้เผาทำลายทิ้งไปด้วยเช่นกัน และนั่นก็เป็นงานสุดท้ายที่ลุงผมทำ เพราะหลังจากนั้นลุงแกก็ตัดสินใจเลิกกิจการรับจัดงานศพไปเลยแบบถาวร..
        เรื่องที่เล่าให้ฟังนี้ ไม่ได้รู้กันแต่แค่ในหมู่บ้านผมเท่านั้น แม้แต่หมู่บ้านข้างๆ สมัยนั้นก็ต่างทราบเรื่องราวความเฮี้ยนของวิญญาณสาวผู้นี้กันดี แม้เรื่องราวจะผ่านมาร่วม 20 ปี เกิดขึ้นสมัยผมเป็นเด็ก แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์หลอนครั้งนึงในชีวิต ที่ยากจะลืมเลือนจริงๆ ครับ.


ขอบคุณเรื่องเล่าจาก"soccersuck"
ศพฝังยืน..!! หลอนไปทั้งหมู่บ้าน  ศพฝังยืน..!! หลอนไปทั้งหมู่บ้าน Reviewed by อาจารย์คง on 20:07 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.