About AUthor

Trending Video

ผีวัดดอน ในตำนาน

ผีวัดดอน ในตำนาน

        เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน สมัยที่ผมยังขับรถแท็กซี่ทำมาหากินอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งก็แน่นอนว่าการขับรถกะดึก โอกาสที่จะเจอเรื่องหลอนๆ สยองขวัญ ย่อมมีมากอยู่แล้ว ตอนนั้นจะว่าดึกก็ไม่ดึก เพิ่งสามทุ่มเอง ผมขับรถไปส่งผู้โดยสารแถวซอยเจริญกรุง 57 มานึกได้ว่าใกล้กับวัดดอนนี่น่า และหน้าวัดนั้นอาจจะมีงานศพ อาจจะมีคนมารอเรียกรถแท๊กซี่กลับบ้านก็ได้ ว่าแล้วผมจึงขับรถไปเสี่ยงดวงรอรับผู้โดยสารแถวหน้าวัดทันที


วัดดอน ยานนาวา

        พอไปถึงก็เป็นจริงตามนั้น ที่วัดคงเพิ่งสวดศพเสร็จ ผมเห็นรถยนต์หลายคันเลี้ยวออกมาจากวัด ผมจึงขับรถชะลอๆ เผื่อรอดูผู้โดยสารว่าจะมีใครโบกเรียกบ้างรึเปล่า และแล้วก็มีคนโบกมือเรียก เป็นผู้หญิงกับผู้ชายแต่งชุดสีดำ เห็นยืนรออยู่แต่ไกล พอจอดรถฝ่ายผู้หญิงก็เปิดประตูรถแล้วถามผมว่า "ไปบางนาไหม..? "

        ผมนึกในใจ ที่จริงบางนากับแถวนี้มันไกลกันมากนะ แต่ผมไม่เกี่ยงอยู่แล้ว ขอให้ได้ตังค์เป็นพอ ผมจึงตอบตกลงว่าไปครับ พูดจบฝ่ายหญิงก็เปิดประตูขึ้นมานั่งเบาะหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ฝ่ายชายจะตามเข้ามานั่งข้างๆ ซึ่งเท่าที่สังเกตุฝ่ายชายดูสูงอายุกว่า ไว้ผมยาวมัดรวบเป็นจุกตรงท้ายทอย ส่วนฝ่ายหญิงผมสั้นประบ่า ระหว่างที่นั่งบนรถ ฝ่ายหญิงท่าทางดูโศกเศร้ามาก เธอนั่งสะอื้นไปเช็ดน้ำมูกไปไม่พูดไม่จา ในขณะที่ฝ่ายชายเอียงตัวมองโทรศัพท์ของฝ่ายหญิงตลอดเวลา
        ในระหว่างนั้นผมก็ได้แต่มองอยู่ห่างๆ ไม่กล้าจะไปชวนพูดคุยอะไร เพราะจะดูเสียมารยาทที่ไปถามถึงเรื่องส่วนตัวเขา แต่วันนั้นเกิดนึกสงสารผู้หญิงคนนั้นมาก เธออาจจะมางานศพ ซึ่งเป็นงานของคนที่รัก เป็นเพื่อน หรือเป็นคนรู้จัก เธอคงเสียใจมากแน่ๆ เพราะผมก็เคยผ่านการจัดงานศพของพ่อกับแม่ตนเองมาแล้วจึงเข้าใจความรู้สึกช่วงนั้นดี ซึ่งในบางเวลาคนเราก็ต้องการคนปลอบใจ พูดอะไรก็ได้ ให้รู้สึกไม่เศร้าเสียใจไปมากกว่านี้ "เดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ" ผมเอ่ยขึ้น
        เธอมองผมแวบหนึ่ง แต่ก็ยังคงสะอึกสะอื้นอยู่ ผมพูดต่ออีกหลายประโยค แต่เธอยังคงเฉยๆ ไม่อยากพูดอะไร ในขณะที่ชายซึ่งขึ้นมาด้วยก็นิ่งๆไม่พูดอะไร ผมเริ่มนึกว่าหรือเราควรจะเงียบดีกว่า โดยที่ระหว่างนั้นสังเกตุว่าฝ่ายชายก็ยังมองฝ่ายหญิงอยู่ตลอด บางจังหวะก็เอามือลูบหัวฝ่ายหญิงไปเรื่อยๆ เข้าใจว่าทั้งสองคนคงอยู่ในสภาวะเสียใจอย่างมากจนไม่อยากพูดอะไรเลย ผมขับรถขึ้นทางด่วนจนใกล้จะมาบรรจบกับด่วนบางนา จึงได้เอ่ยถามผู้หญิงคนนั้นว่าจะไปลงตรงไหนของบางนาครับ
        เธอก็บอกชื่อหมู่บ้านจัดสรรแห่งนึงมา หลังจากที่ผมขับรถไปส่งคนทั้งสองถึงหน้าบ้านแล้ว ผู้หญิงก็เอื้อมมือเอาเงินมาส่งให้ผมเป็นค่าโดยสาร แล้วเธอก็เปิดประตูก้าวลงไป ตอนนั้นผมจึงรู้สึกแปลกใจ ว่าแล้วทำไมฝ่ายผู้ชายถึงไม่ยอมลงไปด้วย "อ้าว...แล้วพี่ผู้ชายไม่ลงรถหรือครับ ?" ฝ่ายผู้หญิงเธอก็หันมามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ เลิกคิ้วมองหน้าผมเหมือนคนสงสัย ผมจึงอธิบายว่า "ก็เห็นมาด้วยกันนี่ครับ หรือจะให้ผมไปส่งที่อื่นต่อ.." "มาคนเดียวค่ะ" เธอพูดสวนกลับมา
        พอผมฟังเธอบอกจึงหันขวับไปดูที่เบาะหลังให้ชัดๆ อีกที..อ้าว เฮ้ย..แล้วผู้ชายคนนั้นหายไปไหนแล้ว..!!!
ยอมรับว่าผมสับสนตัวเอง แปลกใจก็แปลก ผมจึงเล่าให้ผู้หญิงคนนั้นฟังว่าเมื่อตอนขับรถมาเห็นมีผู้ชายนั่งมากับคุณด้วย พร้อมบรรยายลักษณะเค้าว่าเป็นแบบนี้ๆ พอเล่าจบผู้หญิงคนนั้นพูดกลับมาทันทีว่า "แฟนหนูเอง..!!" แล้วหลังจากนั้นทำนบน้ำตาก็แตก เธอร้องไห้แทบขาดใจ สะอึกสะอื้นอยู่นาน ดูน่าสงสาร ซึ่งผมยอมรับว่าตอนนั้นเริ่มกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
        แล้วผู้หญิงคนนั้นเธอก็อธิบายว่า งานศพที่วัดดอนนั้นเป็นงานศพของแฟนเธอเอง..!!แต่ว่าตอนที่ไปในงาน ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นแฟนกับผู้ตาย เนื่องจากว่าแอบคบกันโดยที่พ่อแม่ของฝ่ายแฟนก็ไม่รู้มานานกว่า 5 ปีแล้ว ที่พ่อแม่ฝ่ายชายไม่รู้ก็เพราะพ่อแม่ฝ่ายชายได้หมั้นหมายให้แฟนเธอไปแต่งงานกับหญิงสาวที่ฐานะร่ำรวยกว่าไว้แล้ว แต่แฟนเธอไม่ชอบ เธอกับแฟนจึงเตรียมจะเดินทางหนีไปอยู่ต่างประเทศด้วยกัน แต่ฝ่ายชายกลับต้องมาเสียชีวิตซะก่อน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์..!!
        ผู้หญิงคนนั้นเล่าต่อว่า เธอแอบมางานศพเขาคนเดียว ในเย็นวันนี้ตอนที่เผาศพ เธอเกิดอยากได้เถ้ากระดูกของแฟนไปเป็นที่ระลึก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงรออยู่ตั้งแต่เย็นจนสามทุ่ม เมื่อหมดหนทางจึงจำใจต้องกลับบ้าน ผมได้ฟังก็ขนลุกไป แต่ใจนึงก็ยังอดเห็นใจเธอไม่ได้ จึงกล่าวปลอบใจผู้หญิงคนนั้นไปว่า
        "แต่เขาก็รักคุณนะครับ ตลอดทางผมยังเห็นเขามองแต่คุณ เอามือลูบหัวคุณอยู่ตลอด ถ้าไม่รักคงไม่ห่วงเดินทางมาด้วยขนาดนี้" ฝ่ายผู้หญิงได้ฟังก็สะอึกสะอื้นหนักเข้าไปอีก พอเธอเริ่มสงบสติอารมณ์ได้บ้างแล้วก็พูดว่า "พี่ช่วยอะไรหนูหน่อยได้ไหมค่ะ ?" เธอพูดจบก็ยื่นเงินให้ผม ซึ่งหนนี้มันมากกว่าขามาเสียอีก

สุสานแต้จิ๋ว วัดดอนปัจจุบัน

        "ช่วยกลับไปส่งเขาที่วัดที หนูเชื่อว่าวิญญาณเขายังอยู่ในรถพี่นี่แหละ..!! เขาควรจะไปสู่ที่สงบๆ พรุ่งนี้พ่อแม่เขาจะทำบุญกระดูกให้ หนูคงไม่ได้ไป" ผมได้ยินดังนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี การขับรถเปล่า.. ไม่ใช่สิ ขับรถพาผีกลับไปที่วัด..มันแปลกพิกลน่าดู แต่ในเมื่ออยากได้เงินเค้า ผมก็ต้องทำใจแข็งรับเงินแล้วไปทำตามหน้าที่ๆ ได้รับมอบหมายซะ ก่อนขับรถออกมา ผมยังบอกให้เธออย่าคิดมาก แต่ทว่ากลับเป็นตัวผมน่ะสิ ที่เป็นฝ่ายคิดมาก
        เพราะแน่นอนว่าหลังจากนี้ ระหว่างที่ผมขับรถกลับออกไปจากหมู่บ้าน ผมจะต้องพยายามไม่เหลียวดูกระจกหลังเลย และพยายามจะไม่มองเบาะนั่งตรงด้านข้างคนขับด้วย แต่บางทีก็อดไม่ได้ แอบมองเป็นระยะๆ ในใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่น่าเลยๆ คิดอย่างนี้อยู่ตลอด สุดท้ายก็รอดตัวไปได้ เพราะระหว่างทางผมไม่เห็นผู้ชายคนนั้นในรถอีกเลย ผมขับรถแท็กซี่กลับไปที่หน้าวัดดอนตามเดิม เมื่อจอดรถผมก็ยกมือจรดศีรษะหลับตาพลางนึกในใจว่า "ผมมาส่งคุณแล้วนะ ไปสู่ที่ชอบๆ เถอะ อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย ทั้งในชาตินี้และทุกชาติไป"
        พอเสร็จสิ้นผมก็ก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว ขับรถออกมาชนิดที่อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองกระจกข้าง
แล้วทันใดนั้นสายตาผมก็เห็นผู้ชายคนนั้น เค้ากำลังยืนโบกมือลาอยู่หน้าทางเข้าวัด..!! ผมนี่ขนลุกซู่เลย
จากนั้นตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน ก็พร่ำแต่สวดมนต์ไปขับรถไปจนกระทั่งถึงบ้าน และนี่คือประสบการณ์หลอนที่สุดครั้งนึงในชีวิต เรื่องราวที่ผมเจอคงไม่มีวันลืมจนวันตาย.....


ขอบคุณ@คอลัมน์ หลอน โดย นทธี ศศิวิมล"
ขอบคุณภาพ@google search


ผีวัดดอน ในตำนาน ผีวัดดอน ในตำนาน Reviewed by อาจารย์คง on 07:19 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.